เครือข่ายประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ
วันที่
16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559
เรื่อง ข้อเสนอแก้ไขปรับปรุง
(ร่าง) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2559
เรียน ท่านประธานและคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
(กรธ.)
ตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
(กรธ.) ได้เผยแพร่รัฐธรรมนูญเบื้องต้นต่อสาธารณะชน เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มกราคม
พ.ศ.2559 ความดังทราบแล้วนั้น
เนื่องจากมาตรา 53
รัฐต้องอนุรักษ์คุ้มครอง บำรุงรักษาฟื้นฟูบริหารจัดการ
และใช้หรือจัดให้มีการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวะภาพให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน
โดยต้องให้ประชาชนและชุมชนในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมดำเนินการ
และได้รับประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวด้วย ตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา 54 การดำเนินการใดของรัฐ
หรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบสุข
วิถีชีวิต หรือสุขภาพของประชาชน หรือชุมชน หรือสิ่งแวดล้อม
รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม
และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วยตามที่กฎหมายบัญญัติ
ในการดำเนินการตามวรรค 1 รัฐต้องระมัดระวังให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
ชุมชน สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวะภาพน้อยที่สุด
และต้องมีการดำเนินการให้มีการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชน
หรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม และโดยไม่ชักช้า
ในนามของเครือข่ายประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ
ขอเสนอเพื่อแก้ไขปรับปรุงตามมาตรา 53 และมาตรา 54 เนื่องจากเป็นการส่งเสริม
ผลักดัน และผูกขาดให้ทรัพยากรตกเป็นสิทธิของรัฐ และรัฐเป็นผู้มีอำนาจบริหารจัดการ
ในขณะที่ประชาชนเป็นผู้ไม่มีสิทธิ
ปัญหาที่ผ่านมาของการจัดการทรัพยากรในประเทศไทย
คือรัฐจับมือกับเอกชนดำเนินการในทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรม ต่อประชาชนและประเทศชาติ
ที่กลายเป็นปัญหาใหญ่มาจนถึงปัจจุบันนี้ แล้วยังแก้ไขไม่ได้
รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐกลายเป็นผู้ประกอบการ มีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจ
และกิจการอันกลายเป็นรัฐและเอกชน เป็นผู้มีส่วนได้เสียเองไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และกลายเป็นอำนาจของรัฐทับซ้อนกับธุรกิจของเอกชน
หรือผู้ประกอบการในคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นการดำเนินการไปอย่างไม่เป็นธรรม
จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยไร้กลไกของกฎหมายควบคุม
จากการใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์นั้น
ปัญหาพื้นที่ ที่ดินทำกินของประชาชน
ถูกใช้กฎหมายละเมิดสิทธิ์เนื่องจากมีทรัพยากรในที่ดินทำกิน
และรัฐเป็นผู้มีอำนาจจัดการ ทั้งในด้านทรัพยากรและจัดการในส่วนของที่ดิน
ประกอบกับกฎหมายที่ใช้กับทรัพยากร ตัวอย่างเช่น พระราชบัญญัติแร่พุทธศักราช 2510 หรือพระราชบัญญัติแร่ฉบับใหม่
ที่ประชาชนยังคัดค้าน ก็มีเนื้อหาให้ที่ดิน
ที่มีทรัพยากรต้องนำไปใช้เป็นแหล่งแร่ก่อนการสงวนหวงห้ามก่อนการใช้ประโยชน์อย่างอื่นในที่ดิน
พระราชบัญญัติแร่พุทธศักราช
2510 มาตรา ๖ จัตวา๑๖
“เพื่อประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม*โดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กำหนดพื้นที่ใดที่มิใช่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม
ที่ได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่ามีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์
และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อออกประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตรได้เป็นอับดับแรกก่อนการสงวนหวงห้าม
หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่นในที่ดินในพื้นที่นั้น แต่ทั้งนี้
ให้คำนึงถึงผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วย”
และพระราชบัญญัติแร่เหนือกว่าพระราชบัญญัติฉบับอื่น
เพื่อนำค่าภาคหลวงมาพัฒนาประเทศอันเป็นการเปิดช่องไว้ให้มีการนำทรัพยากรมาใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น
และหากเมื่อทรัพยากรกลายเป็นรัฐ เป็นผู้จัดการบริหารเองเสียแล้ว
ประชาชนก็จะขาดสิทธิในการบริหารจัดการตามสิทธิของประชาชนที่ต้องมีอย่างเท่าเทียม
โดยเฉพาะในส่วนของที่ดินทำกินของประชาชน ที่มีทรัพยากร ที่ผ่านมาพบปัญหาว่ามีการใช้กฎหมายดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมต่อประชาชน
โดยถูกใช้กฎหมายป่าไม้ดำเนินการให้ออกจากที่ดินตัวเอง
และประชาชนจำนวนมากต้องขาดสิทธิในที่ดินทำกิน
และปัญหาที่พบแล้วคือมีการยกเลิกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดิน
ในอำเภอสากเหล็กจังหวัดพิจิตร มีการยกเลิกโฉนดที่ดิน และ นส3ก ที่อำเภอท่าหลวง
อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และยกเลิกเอกสารสิทธิ สปก – 401 ในอำเภอมวกเหล็ก
จังหวัดสระบุรี และมีการยกเลิกการเก็บภาษีที่ทำกินเดิมตามสิทธิของประชาชน
ที่มีเอกสารสิทธิ ภบท5 เป็นหลักฐานยืนยันสิทธิทำกินเดิม
ที่ทำกินมาอย่างยาวนานของประชาชนอีกหลายราย และพบปัญหาว่าในเขตอำเภอเนินมะปราง
จังหวัดพิษณุโลก ที่ประชาชนถูกให้ออกจากที่ดินด้วยกฎหมายป่าไม้
จากนั้นมีการให้เอกชนใช้พื้นที่สำรวจแร่ทองคำ
และพบว่าเหมืองแร่ทำได้ในที่ป่าไม้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ปปช.) ในคดีเหมืองแร่ทองคำ ที่คิงส์เกทอาจติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ
ในการทำเหมืองแร่ทองคำ เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดดังที่ยกตัวอย่างปัญหาในจังหวัด
สระบุรี ลพบุรี พิจิตร พิษณุโลก
เป็นพื้นที่เดียวกับที่มีการขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ
ของกลุ่มบริษัท คิงส์เกท จากประเทศออสเตรเลียไว้ล่วงหน้ามาแล้ว
และพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเคยเป็นกรรมการบริษัทของเหมืองทองคำ
ก่อนลาออกเพียง 3 วันเพื่อมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมเป็นต้น
อันเป็นตัวอย่างของปัญหาที่ดินที่มีทรัพยากร
โดยเฉพาะทองคำ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประชาชนจากหลักฐานที่พบสายแร่ทองคำกินพื้นที่ถึง
31 จังหวัดในประเทศไทย
และที่พบแล้วคือหลังมีการยื่นขออาชญาบัตรพิเศษได้ระบุพื้นที่
เข้าตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ทั้งที่
ที่ดินดังกล่าวประชาชนยังอยู่อาศัยทำกินในที่ดิน และมิได้ยินยอมให้เอาสิทธิดังกล่าว
แก่เอกชนไปกระทำการเยี่ยงนั้น
อันเป็นการเอาสิทธิของประชาชนไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และเป็นสัญญาณว่าในที่สุดประชาชนก็จะถูกใช้กฎหมายดำเนินการให้ขาดสิทธิในที่ดินทำกินของตนในที่สุด
เนื่องจากหากรัฐเป็นผู้มีอำนาจ และผูกพันกับเอกชน หรือเป็นผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนในกิจการเสียเอง
อันจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อคนไทยทั้งประเทศ ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินที่มีทรัพยากร
จึงควรขอให้แก้ไขและเพิ่มเติมไว้ในรัฐธรรมนูญดังนี้ เพื่อประโยชน์แก่ประเทศไทย
และปวงชนชาวไทยทุกคนดังนี้
1. ทรัพยากรทุกชนิด
ต้องเป็นของปวงชนชาวไทยและประชาชนต้องเป็นผู้มีสิทธิทั้งในที่ดิน ใต้ดิน และบนดิน
รัฐต้องจัดการเพื่อประโยชน์สูงสุดของปวงชนชาวไทย และเพื่อประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก
ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
2.
ประชาชนต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ในพื้นที่ ที่มีทรัพยากรทุกชนิด
3. ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
ต้องเป็นผู้มีสิทธิคัดค้าน รับทราบ ตามความจริงก่อนการดำเนินการใด
เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากร
4. เจ้าหน้าที่รัฐ
ต้องไม่เป็นกรรมการบริษัท ผู้ประกอบการ หรือผู้มีผลประโยชน์
จากธุรกิจหากจะดำรงตำแหน่งต้องพ้นจากข้าราชการไปแล้ว 5 ปี
5. กรรมการและผู้บริหารธุรกิจ
จะเป็นรัฐมนตรี ต้องพ้นจากการเป็นกรรมการและผู้บริหาร กำกับดูแลในธุรกิจนั้นๆ แล้ว
5 ปี
6. แยกปิโตรเลียมเป็นทรัพยากรเฉพาะของแผ่นดิน
เนื่องจากเป็นทรัพยากรพื้นฐาน ที่มีความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ
โดยกำหนดให้ผลประโยชน์หลักตกแก่ประเทศไทย และปวงชนชาวไทย อย่างแท้จริง
7. แยกทองคำเป็นทรัพยากรแร่พิเศษ
ให้เป็นสมบัติของแผ่นดินออกจากทรัพยากรอื่นๆ ให้จำกัดทองคำเป็นแร่พิเศษ
มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นสมบัติของแผ่นดิน ที่มีมูลค่ามหาศาล
สามารถค้ำจุนประเทศได้อย่างมั่นคง
ให้ทองคำเป็นแร่พิเศษเฉพาะที่มีรัฐธรรมนูญคุ้มครอง ห้ามมิให้มีการอนุมัติ อนุญาต
ให้ต่างชาติสัมปทาน และห้ามคนไทยเป็นตัวแทนถือหุ้นแทนต่างชาติในการสัมปทานทองคำ
และห้ามบุคคลใดสัมปทานทองคำเพื่อประโยชน์ส่วนตน ให้ทองคำเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน
หากประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องขุดทองคำขึ้นมา เพื่อพัฒนาประเทศ
ให้ทองคำที่ได้มาจากแผ่นดินประเทศไทยถูกนำเข้าไปไว้ในคลังหลวง เพื่อเป็นผลประโยชน์ของแผ่นดินประเทศไทย
และเพื่อปวงชนชาวไทยเป็นสำคัญ
จึงเสนอแก้เพิ่มเติมไว้ในรัฐธรรมนูญ
เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย และเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างแท้จริง
หากข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการพิจารณาแก้ไขและดำเนินการ
ในนามของประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ
ก็จะขับเคลื่อนเพื่อให้มีการปรับแก้ไข ตามข้อเสนอนี้
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย และปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงต่อไป
ประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ